:: ครูนวพร ::

  • Today’s Photo

  • Calendar:

    ธันวาคม 2014
    อา. จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส.
     123456
    78910111213
    14151617181920
    21222324252627
    28293031  
  • Archieves:

  • จำนวนผู้เข้าชม

    • 524,339 hits

10 ข้อดีของ’กะปิ’

Posted by Kru nawaporn บน ธันวาคม 11, 2014

กะปิ 


คนไทยรู้จัก “กะปิ” เป็นอย่างดี บ้างก็ชอบกินบ้างก็ไม่ชอบกินเพราะกลิ่นแรง แต่ก่อนที่จะปฏิเสธอาหารที่ทำจากกะปิ หรือ อาหารที่มีกะปิเป็นส่วนประกอบอยากให้ฟังข้อดีของกะปิก่อน

นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ บอกว่ากะปิยังมีมวลสารของดีดังต่อไปนี้
1. น้ำมันดี มีโอเมก้า 3 เป็นหลักเพราะ “เคย” เป็นแหล่งโอเมก้า 3 ยิ่งกว่าปลาน้ำเค็มชนิดไหน ๆ และน้ำมันจากเคยก็เป็นส่วนดูดซึมง่าย

2. กรดอะมิโน มีมากทั้งในกะปิและน้ำปลา แต่ในกะปิมีมากกว่าไข่ไก่ 1 ฟอง และข้อดีคือส่วนใหญ่เป็นโปรตีนแบบย่อยง่าย

3. แร่ธาตุ ที่ขาดไม่ได้อย่างแคลเซียมเป็นตัวหลักเพราะกะปิประกอบด้วยสัตว์ทะเลขนาดจิ๋วที่กินได้ทั้งตัวจึงเท่ากับได้แคลเซียมและแร่ธาตุทะเลอย่างไอโอดีนแบบเต็ม

4. แอนตี้ออกซิแดนท์ โดยเฉพาะ “แอสตาแซนทิน” ที่กินแล้วให้พลังต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่งกว่าวิตามินทั่วไป

ข้อดีของกะปิ 10 ข้อที่ขอให้รู้

1. บำรุงกระดูก แคลเซียมจะถูกปลดปล่อยจากกะปิถ้าผ่านความร้อน เช่น ตอนปิ้งกะปิหรือทำข้าวคลุกกะปิด้วยข้าวสวยร้อน ๆ ถ้าเบื่อดื่มนมมากก็ขอให้ลองหากะปิมาทานบ้างเพราะให้แคลเซียมมากกว่านมวัวหลายเท่านัก

2. ถูกกับเลือดจาง กะปิมีวิตามินบี 12 ซึ่งต้องได้จากภายนอกเท่านั้นร่างกายเราสร้างเองไม่ได้แต่มีในกะปิ วิตามินชนิดนี้ดีกับเลือดมากหากขาดจะทำให้ป่วยเลือดจางได้เช่นเดียวกับท่านที่กินมังสวิรัติ

3. ไม่ให้ร้างฟัน มีการศึกษาโดยคุณหมอฟันที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่ากะปิที่ผ่านความร้อนช่วยให้ฟันไม่ผุ ทำให้ชาวใต้ที่รับประทานกะปิและน้ำบูดูบ่อยไม่ค่อยพบปัญหาฟันผุฟันสึกมากเหมือนพี่น้องภาคอื่น ๆ

4. บำรุงมันปลา มีน้ำมันโอเมก้า 3 ชนิดเดียวกับที่อยู่ในปลาน้ำลึกมากเพราะเป็นตัวแม่ที่แท้จริงที่สร้างน้ำมันดีชนิดนี้ แถมมีมากและดูดซึมได้ดีด้วยลองช่วยกินสลับกับปลาสดบ้างก็ดี ไม่ต้องกลัวธาตุเค็ม หรือ โซเดียม เกินจากกะปิเพราะถ้าเทียบกันแล้วอาหารใกล้ตัวหลายอย่างมีมากกว่าอย่างปลาเค็ม ไส้กรอก แหนมและขนมกรุบกรอบใส่ผงชูรส

5. หาจุลินทรีย์ เป็นเชื้อดีที่หมักอยู่ในกะปิมีสารพัดจุลินทรีย์ที่ช่วยเป็น “โปรไบโอติกส์” ในลำไส้เสริมภูมิให้เชื้อผู้ร้ายไม่มาแผ้วพาน แต่ข้อสำคัญคือต้องเลือกกะปิที่สะอาดดีจริง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพิ่มเชื้อร้ายให้ท้องไส้เสียกันไปได้

6. มีป้องกันตา มีแอนตี้ออกซิแดนท์สำคัญคือ “แอสตาแซนทิน” กินแล้วช่วยคลายเครียดให้ตา ให้ไม่เหนื่อยล้าเมื่อยตาและล้างสนิมแก่ออกจากตาได้ดี

7. พาวิตามินดี นอกจากแสงแดดแล้วกะปิเป็นแหล่งวิตามินดีที่แสนดีที่นอกจากช่วยกระดูกแล้วยังช่วยคลายเครียดให้อารมณ์ผ่องใสได้ เพราะคนที่ไร้วิตามินดีมาก ๆ นั้นจะมีอารมณ์ออกไปทางซึมเศร้าเฉาชีวิต

8. ไม่มีเลือดหนืด ด้วยอานิสงส์จากน้ำมันดีในกะปิอีกแล้วที่ช่วยหล่อลื่นให้เลือดไหลปรูดปราดไม่ขาดช่วง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันตามที่สำคัญอย่างหัวสมองและหัวใจ ออกฤทธิ์คล้าย ๆ พี่ใหญ่แอสไพรินทีเดียว

9. ไม่จืดความคิด โอเมก้า 3 ช่วยหล่อลื่นให้สมองแล่นไวเหมือนกับได้น้ำมันออโต้ลู้บบำรุงสมอง และน้ำมันในกะปิเป็นของที่ละลายผ่านไขมันได้ดี จะช่วยบำรุงส่วนประสาทที่มีชั้นไขมันเคลือบอยู่ได้มาก

10. พิชิตโรคใจ ทั้งปกป้องห้องหัวใจและป้องกันหัวสมองที่เป็นดั่งดวงใจ ยกเว้นว่าอย่าทานเค็มจัดเกินไปเพราะในกะปิมีตัวช่วยสำคัญคือน้ำมันที่ช่วยหลอดเลือดอยู่ ทั้งในสมองและหัวใจเป็นเสมือนชุมทาง

ข้อควรระวังเกี่ยวกับกะปิก็เห็นจะเป็นเรื่อง เค็ม และแพ้ ในเรื่องเค็มนั้นให้ระวังในท่านที่เป็นความดันสูงและโรคไตหรือปริ่ม ๆ เริ่มจะมีของเสียคั่ง ส่วนในเรื่องแพ้นั้นจะเกิดเมื่อใช้กะปิเคยที่เสื่อมสภาพมาหมัก จะมีฮิสตามีนออกมามากเหมือนน้ำปลาเสื่อมสภาพ และการแพ้อีกอย่างคือแพ้จากพิษของกะปิที่ไม่สะอาดเพราะกระบวนการทำกะปิออกจะเสี่ยงต่อการปนเปื้อนมากมีการสัมผัสกับอากาศและสิ่งแวดล้อมภายนอกทั้งพื้นและน้ำมือคนมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบเพราะการปนเปื้อนนี้ไม่อาจเห็นได้ แต่มีเทคนิคให้ไว้ 2 ข้อก็คือให้ใช้กะปิสุกที่ปิ้งย่างแล้วหรือปรุงด้วยความร้อน กับอีกข้อหนึ่งคือเลือกกะปิจากเจ้าที่คุ้นเคย


ข้อมูลจาก : โรงพยาบาลราชวิถี

ใส่ความเห็น