:: ครูนวพร ::

  • Today’s Photo

  • Calendar:

    พฤษภาคม 2009
    อา. จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส.
     12
    3456789
    10111213141516
    17181920212223
    24252627282930
    31  
  • Archieves:

  • จำนวนผู้เข้าชม

    • 524,348 hits

Archive for พฤษภาคม, 2009

“น้ำผึ้ง” อุดมคุณค่า รักษาโรค

Posted by Kru nawaporn บน พฤษภาคม 29, 2009

ให้พลังงานสูง-แก้ท้องผูก-ไอ-ขับเสมหะclip_image001 

            น้ำผึ้ง ผลผลิตจากผึ้งตัวน้อยๆ ที่ช่วยกันเก็บมาจากต่อมน้ำหวานของดอกไม้และต้นไม้ผ่านกระบวนการย่อยในตัวผึ้งแล้วนำไป เก็บบ่มไว้ ในหลอด รวงผึ้ง ทำให้มีปริมาณน้ำตาลที่เข้มข้นได้มาตรฐาน ซึ่งท่านทราบหรือไม่ว่า น้ำผึ้งนอกจากจะมีรสชาติที่หวานจับใจแล้ว ยังมีคุณค่าและประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณมากมาย

            ผศ.พิชัย คงพิทักษ์ อาจารย์ประจำภาควิชากีฏวิทยาคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับคุณค่าของน้ำผึ้งว่า มีคุณค่านับไม่ถ้วน เช่น คุณค่าทางอาหาร เป็นอาหารที่สะอาด ปลอดจากจุลินทรีย์ต่างๆ น้ำตาลในน้ำผึ้งจะถูกนำไปเผาผลาญเป็นพลังงานและความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย บำรุงร่างกายและสมองให้แข็งแรง สดชื่นแจ่มใส น้ำผึ้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 303 แคลอรี รับประทานในช่วงที่ต้องการ หรือ ½ – 1 ช้อนโต๊ะตอนเช้าและก่อนนอนทุกวัน และ หากใช้น้ำผึ้งดองกล้วยน้ำว้า ทิ้งไว้ 1 เดือน ใช้เป็นยาอายุวัฒนะได้

            คุณค่าทางยาฆ่าจุลินทรีย์และเชื้อต่างๆ ได้ โดยน้ำผึ้งมีความเข้มข้นของน้ำตาลสูง มีแรงดูดซึม ทำให้จุลินทรีย์ที่ตกลงในน้ำผึ้งเหี่ยวตาย เมื่อเอาน้ำผึ้งมาละลายน้ำ กรดที่มีในน้ำผึ้งแสดงปฏิกิริยาได้และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่เกิดขึ้น สามารถฆ่าจุลินทรีย์ได้ด้วย น้ำผึ้งถูกนำไปใช้ในการฆ่าเชื้อโรคมาตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวอียิปต์ใช้น้ำผึ้งแช่ศพกันเน่าเปื่อยได้ ดังนั้นเมื่อเราใช้น้ำผึ้งทาบาดแผลจะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้และทำให้แผลไม่เกิดการอักเสบ

            คุณค่าทางการรักษาโรค มีสรรพคุณแก้ท้องผูก เอนไซม์ในน้ำผึ้งจะช่วยย่อยคาร์โบไฮเดรต น้ำผึ้งจึงมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการท้องผูกในเด็กและคนชราได้เป็นอย่างดี ขนาดที่ใช้ 1 ช้อนโต๊ะรับประทานก่อนนอน และคุณค่าในส่วนผสมยาสมุนไพรหลายชนิด สามารถใช้รักษาโรคต่างๆ ได้ เช่น แก้ไอ เจ็บคอ หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ นอกจากน้ำผึ้งจะใช้รักษาโรคแล้วยังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องสำอางรักษาผิวให้นุ่มนวลสวยงาม

            เมื่อทราบคุณค่าของน้ำผึ้งแบบนี้แล้วหลายคนคงสนใจอยากซื้อน้ำผึ้งมาใช้กันบ้างแล้ว แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตบางรายมักใส่สารแปลกปลอมลงในน้ำผึ้ง อาจารย์พิชัย จึงแนะนำว่า ให้สังเกตดูสีของน้ำผึ้ง ซึ่งมีหลายสี เช่น สีเหลือง น้ำตาลอ่อน แต่ถ้าสีคล้ำมากเกินไปไม่แนะนำให้ซื้อเพราะอาจจะเก็บไว้นาน

            ซึ่งอายุของน้ำผึ้งควรรับประทานภายใน 1 ปีจะได้คุณค่ามากที่สุด และควรตรวจสอบว่ามีฉลากรับรอง มีชื่อบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายหรือไม่ ซึ่งบางครั้งพ่อค้าอาจจะอวดอ้างความสดโดยการนำตัวผึ้งหรือเกสรมาใส่ไว้เพื่อให้ผู้ซื้อเข้าใจว่าเป็นน้ำผึ้งเก็บจากป่าสดใหม่ ซึ่งต้องตรวจสอบให้ดีเพราะขั้นตอนการเก็บนั้นต้องสะอาดปราศจากสิ่งเจือปนดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะถ้าอ้างว่าเป็นน้ำผึ้งป่านั้นยิ่งไม่น่าเชื่อถือเพราะปัจจุบันไม่มีแล้วมีแต่น้ำผึ้งเลี้ยง

            หากทราบคุณค่าและประโยชน์ของน้ำผึ้งอย่างนี้แล้ว อย่าลืมรับประทานน้ำผึ้งก่อนนอนเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายของเราให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Posted in สุขภาพ และโภชนาการ | Tagged: , , , , | 1 Comment »

ละเลยการออกกำลัง กระทบโครงสร้างร่างกาย

Posted by Kru nawaporn บน พฤษภาคม 28, 2009

จิตใจที่แจ่มใส….อยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์

 

         การเคลื่อนไหวโดยธรรมชาติของมนุษย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพ ได้แก่ การเดิน วิ่ง กระโดด หยิบ จับ โยน ขว้างและแบกหาม ฯลฯ

ซึ่งเป็นการเคลื่นไหวที่ได้รับการพัฒนาในแต่ละช่วงอายุของการเจริญเติบโตและนำไปสู่การพัฒนาบุคลิกภาพในการเคลื่อนไหว ตลอดจนการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล

 

         ที่สำคัญไปยิ่งกว่านั้นการเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้หากปล่อยปละละเลยย่อมมีผลกระทบหรือเป็นปัญหาต่อสุขภาพทั้งในด้านโครงสร้างและสมรรถภาพทางร่างกายก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมและความผิดปกติกับร่างกายจากลักษณะของการใช้งานในการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้องด้วยเหตุนี้การออกกำลังกายและการบริหารร่างกายเพื่อสุภาพที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญและจำเป็นต่อการที่จะช่วยในการพัฒนาเสริมสร้างรักษาและฟื้นฟูสภาพที่บกพร่องขององค์ประกอบในการเคลื่อนไหวร่างกายให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเป็นปกติได้ยาวนานยิ่งขึ้น

 

         การเดินเพื่อสุขภาพ นับเป็นอีกรูปแบบวิธีการหนึ่งของการออกกำลังกายที่ดีมีคุณค่าและประโยชน์ต่อร่างกายที่ไม่ควรละเลยหรือมองข้าม ลักษณะเด่นที่สำคัญคือเป็นการเคลื่อนไหวออกกำลังกายที่ง่าย สะดวก ประหยัด เป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูงและเกิดแรงกระแทกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถนำไปปฏิบัติได้กับบุคคลทุกเพศ ทุกวัย ช่วยพัฒนาความแข็งแรงอดทนขั้นพื้นฐานของระบบกล้ามเนื้อ ระบบหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งเป็นบรรทัดฐานสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาสุขภาพและสมรรถภาพทางกายให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นในลำดับต่อไป

 

         หลักปฏิบัติในการเดินเพื่อสุขภาพ มีลำดับขั้นตอนที่ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้

1. ศีรษะและลำตัวตั้งตรง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจ สายตามองไปข้างหน้าในขณะเดิน

2. แกว่งแขวนซ้ายขวาสลับหน้าหลังขนานลำตัวมือที่แกว่งสูงระดับอก ในลักษณะที่ผ่อนคลายศอกงอเล็กน้อย ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหัวไหล่อกและหลังส่วนบน

3. จังหวะความเร็วในการก้าวเท้าสม่ำเสมอตลอดระยะทางที่เดิน ไม่เดินทอดน่องหรือเดินตามสบาย

4. ส้นเท้าสัมผัสพื้นรับน้ำหนักตัวก่อนปลายเท้าช่วยบริหารกล้ามเนื้อน่องและกล้ามเนื้อหน้าแข้ง

5. ความยาวของช่วงก้าวขึ้นอยู่กับความเร็วในการเดิน ที่สำคัญจะต้องไม่พยายามก้าวยาวมากเกินไป เพราะจะมีผลทำให้เกินความเมื่อยล้าที่กล้ามเนื้อต้นขาและสะโพกเร็วกว่าปกติ

 

          ประโยชน์จากการเดินเพื่อสุขภาพ ช่วยรักษาสุขภาพ พัฒนาความสัมพันธ์ตลอดจนการทรงตัวในการเคลื่อนไหว และป้องกันอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรค ดังนี้

1. การเดินออกกำลังกายวันละ 1.5 2.5 กิโลเมตรช่วยรักษาสุขภาพร่างกายโดยทั่วไป ให้แข็งแรงเป็นปกติ

2. การเดินออกกำลังกายวันละ  2.5 4.5 กิโลเมตรด้วยอัตราความเร็วเฉลี่ย 7 8 นาทีต่อกิโลเมตรช่วยป้องกันและลดอัตราเสี่ยงของการเกิด โรคหัวใจ โรคไขมันอุดตันในหลอดเลือดและโรคเบาหวาน เป็นต้น

3. การเดินออกกำลังกายวันละ  4.5 6.5 กิโลเมตรด้วยอัตราความเร็วเฉลี่ย 9 10 นาทีต่อกิโลเมตรจะช่วยพัฒนาความอดทนของกล้ามเนื้อ ระบบหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด นอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย ช่วยป้องกันโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ โรคเครียด ฯลฯ เป็นต้น

 

          ผลของการเดินเพื่อสุขภาพที่มีต่อร่างกาย แบ่งออกได้เป็นส่วน ๆ ดังนี้

1. ผลที่เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อ เอ็นกล้ามเนื้อ และเอ็นข้อต่อส่วนที่เกี่ยวข้อง หรือใช้เคลื่อนไหวโดยตรง ได้แก่ กล้ามเนื้อต้นขาและสะโพก กล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อหน้าแข้ง ข้อเท้า ข้อสะโพก เอ็นฝ่าเท้า เอ็นร้อยหวาย ฯลฯ จะได้รับการพัฒนาความแข็งแรงอดทนเพิ่มขึ้น รวมทั้งกล้ามเนื้อหัวไหล่ ต้นแขนและลำตัว

2. ผลที่เกิดขึ้นกับระบบหายใจ ได้แก่ ปอด ถุงลม หลอดลม จะได้รับการพัฒนาทางด้านความแข็งแรงและความยืดหยุ่นตัวเพิ่มขึ้นจากปกติ ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจสามารถทำงานหรือถ่ายเทหมุนเวียนอากาศ ให้เข้าออกร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดและป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ และโรคภูมิแพ้

3. ผลที่เกิดขึ้นกับระบบไหลเวียนเลือด ได้แก่ หัวใจ เลือด หลอดเลือด ความดัน ซึ่งจะทำให้มีมีเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่อนาทีทีมีปริมาณเพิ่มขึ้น หัวใจและหลอดเลือดมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นตัวดีขึ้น ช่วยลดและป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ หลอดเลือดและความดันเป็นต้น

4. ผลที่เกิดขึ้นกับระบบประสาท ทำให้ปฏิกิริยาการรับรู้และสั่งงานของระบบประสาท เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยพัฒนาเซลล์ประสาทและหน่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อให้ทำงานได้อย่างสัมพันธ์กัน เป็นผลให้เกิดความสมดุลในการเคลื่อนไหวและการทรงตัว

5. ผลที่เกิดขึ้นกับระบบโครงสร้าง ได้แก่ กระดูก กล้ามเนื้อ ข้อต่อ เอ็น พังผืด เป็นต้น มีการพัฒนาทั้งขนาดและความแข็งแรง โดยเฉพาะกระดูกมีการสะสมแคลเซียมเพิ่มมากขึ้น ช่วยป้องกันโรคกระดูกบาง โรคกระดูกพรุน โรคข้อติด และโรคข้อต่อเสื่อมสภาพเร็วกว่าวัยอันควร ช่วยพัฒนาบุคลิกและความมั่นใจในการเคลื่อนไหว

6. ผลที่เกิดขึ้นกับระบบขับถ่าย และขบวนการเผาผลาญผลิตพลังงานของร่างกาย ทำให้เกิดการหลั่งเหงื่อระบายความร้อน และการถ่ายเทของเสียออกจากร่างกายเป็นปกติ ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้รูปร่างทรวดทรง กระชับแลดูได้สัดส่วนสวยงามไม่อ้วน

 

         การออกกำลังกายด้วยการเดินเพื่อสุขภาพนั้นสามารถพัฒนาความแข็งแรงและโครงสร้างพื้นฐานของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายให้มีสมรรถภาพและประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ช่วยป้องกันรวมทั้งลดปัญหาการเกิดโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด โรคอ้วน โรคหัวใจและภูมิแพ้ ทำให้สามารถประกอบภารกิจและดำรงชีวิตได้เป็นปกติสุข มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว

 

          มาออกกำลังกายกันดีกว่า เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมโทรม

โดย : รศ.เจริญ กระบวนรัตน์

 

ข้อมูลจาก : หนังสือ สุขภาพดี..ง่ายนิดเดียว : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

Posted in กีฬา การออกกำลังกาย | Tagged: , , | Leave a Comment »

10 วิธีปฏิบัติ ในการเผาผลาญพลังงาน

Posted by Kru nawaporn บน พฤษภาคม 27, 2009

กิจวัตรง่ายๆ ช่วยร่างกายได้ออกกำลัง 

clip_image001          ในแต่ละวันถ้าคุณมีโอกาสได้ทำกิจกรรมต่างๆ บ้าง ก็จะเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้ใช้พลังงานส่วนเกินที่สะสมจากอาหารที่กินเข้าไปได้ แม้คุณจะไม่ได้ออกกำลังกายจริงจังอย่างการเล่นกีฬา แต่ก็ได้ขยับกล้ามเนื้อแขนขา แถมยังลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและกระดูกพรุนอีกต่างหาก วันนี้มีกิจกรรมง่ายๆ ที่คุณอาจมองข้ามมาแนะนำ ว่ากิจกรรมแบบไหนที่คุณน่าจะทำได้บ้าง 

          เดินคุยโทรศัพท์แทนที่จะนั่งเฉยๆ 

          สำหรับคนที่ทำงานนั่งโต๊ะ ระหว่างโทรศัพท์ควรจะลุกจากที่นั่งที่คุณจุมปุ๊กมาทั้งวัน แม้ไม่ได้ใช้พลังงานมากนักแต่ก็ทำให้คุณได้ขยับแข้งขา เพิ่มการไหลเวียนของเลือด การเลือกโทรศัพท์ไร้สายมาใช้จะช่วยได้มาก

          เดินไปส่งเอกสารด้วยตัวเอง 

          บางครั้งที่คุณต้องการส่งเอกสารไปแผนกอื่น หรือต้องเดินข้ามชั้นหากที่ทำงานมีขนาดใหญ่ แทนที่จะใช้คนอื่นคุณควรลุกขึ้นเดินไปส่งเอกสารเหล่านั้นด้วยตัวเอง นอกจากจะได้ออกแรงหรือขึ้นลงบันไดแล้ว ยังได้ของแถมเป็นโอกาสเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเพื่อนร่วมงานอีกต่างหาก

          หาเวลาว่างเดินช็อปปิ้ง 

          การเดินตามห้างสรรพสินค้าหรือตลาดนัด ในช่วงวันหยุด ไม่เพียงเพลินตาสบายใจเท่านั้น ยังได้ออกกำลังกายแบบไม่รู้ตัว และถ้าได้เดินห้างตลอดบ่ายวันเสาร์เท่ากับคุณเดินไม่หยุดถึง 4-5 ชม.เลยทีเดียว จะให้ดีควรสวมเสื้อผ้าสบายๆ ใส่ถุงเท้ารองเท้ากีฬา จะช่วยให้เดินได้สะดวกยิ่งขึ้น

          ทาสีบ้าน 

          การทาสีบ้านจะผลาญพลังงานประมาณ 300 แคลอรี/ชม. แถมยังได้ออกกำลังแขนและลำตัวอีกต่างหาก

          ออกกำลังกายขณะทำความสะอาดบ้านให้เอี่ยมอ่อง 

          หากคุณทำความสะอาดบ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกจากบ้านจะน่าอยู่แล้ว ยังได้เผาผลาญพลังงานถึง 420 แคลอรี/ชม. อีกด้วย

          ทำสวนตัดหญ้า 

          สำหรับคนที่บ้านมีบริเวณ การทำสวน พรวนดิน ปลูกต้นไม้ จะใช้พลังงานถึง 360 แคลอรี/ชม. พอๆ กับการเล่นแบดมินตัน หากสนามกว้างหน่อยใช้รถตัดหญ้าก็จะช่วยผลาญพลังงานได้ถึง 420 แคลอรี/ชม. พอๆ กับเล่นเทนนิสเลยทีเดียว

          เดินหาที่กินไกลออฟฟิศ 

          ช่วงพักกลางวันควรเดินไปหาของกินอร่อยๆ ไกลออฟฟิศอีกนิด อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณได้ใช้พลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป ลดการสะสมไขมันได้บ้าง

          ใช้ตะกร้าแทนรถเข็นในซูเปอร์มาร์เก็ต 

          หากต้องการซื้อของเพียงไม่กี่ชิ้น ควรใช้ตะกร้าแทนรถเข็น หรือถ้าถือได้ก็ถือเอง เพื่อให้แขนได้ออกแรงยกของระหว่างเดิน ซึ่งจะช่วยเผาผลาญพลังงานเสมือนกับการเล่นเวท แต่อย่าลืมสลับข้างเพื่อให้แขนและไหล่ทั้ง 2 ข้างได้ออกแรงเท่าเทียมกัน

          ขึ้นบันไดแทนขึ้นลิฟต์ 

          การขึ้นบันไดแต่ละครั้งจะใช้พลังงานประมาณ 10 แคลอรี/ชั้น แล้วยังได้ออกกำลังขาอีกต่างหาก

          ใช้รถประจำทางหรือรถไฟฟ้าแทนการขับรถ 

          เมื่อต้องเดินทาง หากเส้นทางที่จะไปอยู่ใกล้รถไฟฟ้า หรือมีรถประจำทางวิ่งผ่าน ให้จอดรถไว้แล้วใช้บริการขนส่งมวลชนดูบ้าง ไม่เพียงประหยัดน้ำมัน ยังได้ออกกำลังกาย แถมได้สัมผัสชีวิตริมทางอีกด้วย

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ

ขอบคุณ: สาระสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

Posted in กีฬา การออกกำลังกาย | Tagged: , | Leave a Comment »